นิการากัว Os P A S E R S

มาตากัลปา ยาชิกาซูร์ ลอส ปลาเซส ครอบครัวมิลิช เอธิโอซาร์ แอนแอโรบิคธรรมชาติ 900-970ม. มีความเป็นกรดที่สดชื่นและความหวานที่ชวนให้นึกถึงส้ม พรุน และแอปเปิ้ล และมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มนวล และการเปลี่ยนแปลงของรสชาติเมื่ออุณหภูมิลดลงก็ยังน่าเพลิดเพลินอีกด้วย จะขายเป็นเมล็ดเต็มเมล็ด เราขอแนะนำให้ทิ้งไว้ 2-3 สัปดาห์หลังจากการคั่ว แต่คุณก็สามารถเพลิดเพลินกับความแตกต่างก่อนและหลังได้เช่นกัน เราขอแนะนำให้ดื่มกาแฟนี้ภายใน 4 ถึง 8 สัปดาห์นับจากวันที่คั่ว [จากข้อมูลของผู้นำเข้า] การผลิตกาแฟใน Los Placeres Los Placeres เป็นฟาร์มที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในปัจจุบันซึ่งเป็นของตระกูล Mielich นอกจากจะผลิตกาแฟแล้วฟาร์มยังเลี้ยงวัวด้วย ประมาณ 10% ของฟาร์มได้รับการกำหนดให้เป็นพื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติ ไม่เพียงแต่ห้ามทำการตัดไม้เท่านั้น แต่ยังห้ามล่าสัตว์ด้วย พวกเขาปลูกต้นไม้จำนวนหนึ่งทุกปีเพื่อใช้พื้นที่เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า นั่นหมายความว่าพื้นที่ที่ใช้สำหรับการผลิตกาแฟจะลดลง แต่ระบบการผลิตต่างๆ ก็ถูกออกแบบขึ้นโดยมีเป้าหมายเพื่อรักษาระบบนิเวศสิ่งแวดล้อมและเพื่อให้มั่นใจถึงความยั่งยืนของการผลิตกาแฟ ตัวอย่างทั่วไปของการปลูกต้นไม้คือ การปลูกร่มเงาโดยใช้สิ่งที่เรียกว่า ต้นไม้ร่มเงา แต่การปลูกมากเกินไปนั้นทำได้ยากเมื่อคำนึงถึงจำนวนชั่วโมงของแสงแดดและการระบายอากาศ ภายใต้การนำของปู่ของเขา ดร. เมียลิช เขาจึงใช้เวลาค้นคว้าเป็นเวลานานว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมธรรมชาติโดยการเพิ่มผลผลิตต่อเฮกตาร์ ขณะนี้ Los Placeres ประสบความสำเร็จในการเพิ่มจำนวนต้นไม้ต่อเฮกตาร์ถึง 35% โดยการปลูกต้นไม้ให้ห่างกันประมาณ 60 ซม. และแบ่งเป็นช่องเดินรถที่มีระยะห่างกัน 3 เมตร นอกจากนี้ ฟาร์ม Los Placeres ได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่ และปัจจุบันฟาร์ม 60% ทุ่มเทให้กับการผลิต Ethiosal ส่วนที่เหลือเป็นพันธุ์ Javanica, Pacamara และ H1 โดยการใช้พันธุ์ Ethiosal ที่ให้ผลผลิตสูงเป็นพันธุ์หลัก วิธีนี้จะช่วยเพิ่มผลผลิตต่อหน่วยพื้นที่และปูทางไปสู่เป้าหมายเดิมของเราในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติและดำเนินการตามแผนการปลูกป่าทดแทน นอกจากนี้ ในด้านการผลิตกาแฟ วิธีการเพาะปลูกนี้ทำให้มีการระบายอากาศและแสงแดดที่ดี ซึ่งให้ผลลัพธ์เชิงบวกอย่างมากในแง่ของการปรับปรุงความสม่ำเสมอของปริมาณน้ำตาลและความสุกของเชอร์รี ขณะนี้เราได้เริ่มดำเนินการใหม่ในการปลูกพืชท้องถิ่นชนิดหนึ่งชื่อ Brachiaria ซึ่งเป็นพืชในวงศ์หญ้า เพื่อเสริมสร้างอินทรียวัตถุในดิน สายพันธุ์อีธิโอซัล พันธุ์ Ethiosal เป็นลูกผสมระหว่าง Rume Sudan และ Saltimor Rume Sudan เป็นพันธุ์ป่าที่พบในหุบเขา Rume ใกล้ชายแดนของประเทศซูดานใต้และเอธิโอเปีย ในขณะที่ Villa Sarchi เป็นลูกผสมระหว่างพันธุ์เบอร์เบินและพันธุ์ลูกผสมติมอร์ ซึ่งค้นพบในหมู่บ้าน Sarchi ในประเทศคอสตาริกา พันธุ์เอธิโอซัลเหมาะสำหรับการผลิตในพื้นที่สูง และเป็นพันธุ์ที่ไม่เพียงแต่มีรสชาติดีเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังทนสนิมและให้ผลผลิตสูงอีกด้วย จากการเรียนรู้จากความเสียหายอันเลวร้ายที่เกิดจากสนิมกาแฟในช่วงทศวรรษ 2010 ประเทศต่างๆ กำลังพยายามพัฒนาพันธุ์กาแฟที่ผสมผสานความยั่งยืนเข้ากับคุณภาพสูง และ Ethiosal ก็เป็นหนึ่งในความท้าทายเหล่านี้ Fincas Mierisch มีความพิเศษเฉพาะตัวตรงที่มีเรือนเพาะชำของตัวเองซึ่งใช้ทดลองปลูกพันธุ์ไม้เหล่านี้ และยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกในการต่อกิ่งอีกด้วย รากของพันธุ์ Excelsa ซึ่งเป็นพันธุ์ที่กลายพันธุ์จากพันธุ์ Liberica จะถูกต่อเข้ากับพันธุ์ Arabica ที่เป็นเป้าหมาย รากของพันธุ์กาแฟ Excelsa ช่วยปกป้องกาแฟจากภัยแล้งและการโจมตีของไส้เดือนฝอย นอกจากนี้ เนื่องจากมีความทนทานมากกว่ารากอาราบิก้าและไม่ส่งผลต่อโปรไฟล์ถ้วยของอาราบิก้า การทดลองจึงเริ่มขึ้นในช่วงต้นปี 2000 โดยเริ่มจาก Javanica ซึ่งเป็นชื่อพ้องกับ Mielich และตอนนี้เรากำลังดำเนินการกับแปลงใหม่ทั้งหมด ต่อกิ่งแล้วนำไปปลูกในฟาร์ม กระบวนการไร้อากาศที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ กระบวนการที่ใช้กับองุ่น Ethiosal จากฟาร์ม Los Placeres เป็นกระบวนการทางธรรมชาติโดยใช้การหมักเชอร์รีแบบไม่ใช้ออกซิเจน การหมักแบบไร้อากาศเป็นวิธีการผลิตและการแปรรูปแบบใหม่ที่ Fincas Mierisch ซึ่ง Erwin Mierisch Jr. ผู้ผลิตเบียร์รุ่นที่ 5 ได้พัฒนามาตลอดหลายปีที่ผ่านมา เบื้องต้นเราได้ทดสอบการหมักแบบไร้อากาศสองประเภท โดยเชอร์รีจะถูกหมักในภาชนะที่ปิดสนิทโดยไม่ใช้ออกซิเจน จากนั้นจึงทำให้แห้ง ซึ่งเป็นวิธีการที่ทำกันในประเทศผู้ผลิตอื่นๆ เช่นกัน โดยใช้ทั้งวิธีการทำน้ำผึ้งและวิธีธรรมชาติ แม้ว่ากาแฟที่ผลิตโดยใช้วิธีการนี้จะมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และเข้มข้น แต่ก็ยังห่างไกลจากความสามารถในการให้กลิ่นหอมและรสชาติที่น่าพึงพอใจ รวมไปถึงความสะอาดของถ้วยที่จำเป็นสำหรับกาแฟพิเศษ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการเพิ่มกระบวนการหมักแบบไม่ใช้ออกซิเจนนี้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของรสชาติที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากกระบวนการกาแฟหรือน้ำผึ้งธรรมชาติทั่วไป เราจึงดำเนินการวิจัยต่อไปเป็นเวลานานโดยไม่ยอมแพ้ ในที่สุด ด้วยการทำการหมักแบบไร้อากาศในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิต่ำ เราได้มาซึ่งสูตรการหมักแบบไร้อากาศที่เหมาะสม ซึ่งผลิตรสชาติที่ชัดเจนขึ้นและปรับปรุงคุณภาพของกรดโดยไม่กระทบต่อความสะอาดของกาแฟ ขณะนี้เรามีคลังสินค้าจัดเก็บอุณหภูมิต่ำโดยเฉพาะ และในกรณีของเชอร์รี่ธรรมชาติ เชอร์รี่ที่เก็บเกี่ยวจะถูกปิดผนึกในถังปลอดออกซิเจน และผ่านการหมักแบบไม่มีออกซิเจนเป็นเวลา 48 ชั่วโมง หลังจากนั้นเราจะใช้ทั้งระเบียงและเตียงแอฟริกันในร่มร่วมกันเพื่อทำให้แห้ง African Bed จัดวางเป็น 3 ระดับ และเมื่อข้าวใกล้ถึงระดับความชื้นที่เหมาะสม ก็จะถูกย้ายไปยังระดับถัดไป และจะถึงระดับความชื้น 12.5% ในชั้นล่างสุด สำหรับไมโครล็อตพิเศษเหล่านี้ เวลาในการทำให้แห้งจะยาวนาน อยู่ระหว่าง 20 ถึง 22 วัน จากนั้นผลิตภัณฑ์จะได้รับการทำให้แห้งช้าๆ เพื่อให้เสร็จสมบูรณ์